การศึกษาของนักเรียนไทยจะเป็นยังไงต่อไป

ใกล้จะเปิดเทอมแล้วการศึกษาของนักเรียนไทยจะเป็นยังไงต่อไป

        การศึกษาของนักเรียนไทย เป็นคำถามที่อยู่ในใจของผู้ปกครองทุกคนในขณะนี้ว่าในตอนนี้ใกล้จะเปิดเทอมที่จะถึงวันที่ 16 พฤษภาคมนี้แล้วซึ่งจากข้อมูลล่าสุดทางรัฐบาลได้มีประกาศออกมาว่าจะมีการเลื่อนการเปิดเทอมออกไปเป็นวันที่ 1 กรกฎาคมปีพศ 2563 แต่ก็มีบางสถาบันโรงเรียนที่มีการเปิดการเรียนการสอนตามปกติในวันที่ 16 พฤษภาคมปีพศ 2563

โดยกลุ่มที่เปิดการเรียนการสอนในช่วงนี้เป็นการเปิดการเรียนการสอนผ่านทางระบบออนไลน์แต่ถ้าหากโรงเรียนไหนยังไม่มีระบบออนไลน์ที่จะสามารถสอนนักเรียนได้ก็สามารถเลื่อนไปเป็นวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ได้

ซึ่งในความคิดของผู้ปกครองในขณะนี้มองว่าแล้วเมื่อถึงวันที่ 1 กรกฎาคมที่จะถึงนี้สถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่ายังไม่หายยังคงมีการระบาดอยู่แต่อาจจะลดน้อยลงไปเหลือการติดเชื้อวันละ 10 คนหรือ 15 คนถ้ายังเป็นอย่างนี้อยู่กระทรวงศึกษาธิการจะมีการแก้ไขปัญหานี้อย่างไรจะยังคงต้องมีการเลื่อนการเรียนการสอนออกไปอีก

หรือไม่แล้วถ้าเกิดสถานการณ์ยังเลวร้ายอย่างนี้ออกไปจนถึงสิ้นปีนักเรียนจะทำยังไงจะต้องรอจนกว่าสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าจะหายดีใช่หรือไม่ถึงจะสามารถเปิดการเรียนการสอนได้ซึ่งถ้าไม่ใช่การเลื่อนการเรียนการสอนออกไปจะมีการเปิดให้เรียนผ่านทางระบบออนไลน์ทั่วทุกประเทศพร้อมกันใช่หรือไม่นี่คือความคิดความในใจที่ผู้ปกครองหลายๆคนคงอยากจะทราบแนวทางการเรียนการสอนของลูกตนเอง

ในขณะนี้ว่าจะไปในทิศทางไหนเพราะผู้ปกครองหลายคนก็คงจะต้องมีการเตรียมตัวก่อนที่จะมีการทราบว่าโรงเรียนจะออกนโยบายเปิดเทอมให้กับลูกตนเองยังไงเพราะขณะนี้มีบางโรงเรียนที่มีการเปิดการเรียนการสอนแล้วเช่นนักเรียนระดับมัธยมศึกษาบางกลุ่มก็ได้มีการเรียนผ่านระบบออนไลน์

ซึ่งถ้าหากแต่ละโรงเรียนมีการเรียนการสอนที่ไม่เหมือนกันเปิดเทอมไม่พร้อมกันจะทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำเรื่องของเวลาที่บางคนได้เรียนแล้วก็จะจบตามอายุของตนเองว่าอายุช่วงเวลาไหนต้องเรียนจบระดับไหนแต่ถ้าเกิดว่าบางโรงเรียนที่ได้มีการเลื่อนการเรียนการสอนออกไปได้เรื่อยๆเลยรอจนกว่าสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าจะดีขึ้นนั่น

ก็เท่ากับว่าเด็กนักเรียนที่เรียนโรงเรียนนั้นจะถูกเลื่อนออกไปในเรื่องของการจบการศึกษาซึ่งจะเริ่มเห็นความแตกต่างของแต่ละโรงเรียนมากขึ้นและยิ่งถ้าเกิดว่าโรงเรียนเปิดให้มีการสอนผ่านระบบออนไลน์จริง จะต้องเป็นผู้ที่มีค่าใช้จ่ายในเรื่องของการเสียค่าไฟค่าอินเตอร์เน็ตรวมถึงการหาซื้ออุปกรณ์คอมพิวเตอร์เพื่อเอามาไว้ประกอบในการเรียนดังนั้นโรงเรียนมีแนวทางอย่างไรเกี่ยวกับการเรียกเก็บค่าเทอมที่

ถ้าหากเด็กนักเรียนต้องเรียนผ่านทางออนไลน์จริงๆค่าเทอมก็ควรจะต้องถูกลงด้วยเพราะเด็กไม่ได้ไปใช้อุปกรณ์ของทางโรงเรียนเลยนี่คือข้อคิดที่ผู้ปกครองทุกคนอยากรู้ในช่วงเวลานี้ซึ่งหวังว่าการกระทรวงศึกษาธิการเองจะได้เล็งเห็นปัญหาและมีการประชุมปรึกษาหารือกันและพร้อมที่จะออกมาอธิบายปัญหานี้ให้กับผู้ปกครองได้ทราบในเร็วๆนี้

 

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย   บาคาร่า บิกินี่