เดือน: พฤศจิกายน 2019

พระสีกานัวกันคากุฏิ

พระสีกานัวกันคากุฏิถูกจับฉี่สีม่วง

จากข่าวที่สำนักข่าวกระปุกดอทคอมรายงานเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ.2562

เรื่องของตำรวจบุกเข้าไปจับกุมพระที่มั่วสุมเสพยาเสพติด และในวันที่ไปจับกุมนั้นก็ได้พบกับผู้หญิงอยู่ในกุฏิของพระด้วย

พระสีกานัวกันคากุฏิ เมื่อมีการสอบปากคำกันพบว่า ผู้หญิงคนดังกล่าวเป็นแฟนของพระ คบหากันมานานกว่า 3 ปีแล้ว โดยรู้จักกันผ่านทาง facebook  และทางผู้หญิงก็ได้มานอนพักพร้อมกับเสพยาร่วมกันกับพระที่กุฏินี้มานานกว่า 2 อาทิตย์แล้วเหตุเกิดที่วัดในจังหวัดหนองบัวลำภู เพราะมีชาวบ้านไปแจ้งกับฝ่ายปกครองจังหวัดว่า ทุกคืนจะมีวัยรุ่นขับรถเข้าออกวัดตลอดทั้งคืน เลยสงสัยว่าจะมีการรวมตัวกันทำความผิด เมื่อมาการแจ้งเรื่องทางเจ้าหน้าที่จึงได้เข้ามาตรวจสอบแล้วก็พบว่ามีการทำความผิดจริง จึงมีการจับพระศึกและมีการดำเนินคดีกับพระและสีกาทีอยู่ด้วยกันเพราะมีการตรวจพบปัสสาวะสีม่วงทั้งคู่ 

จริงๆแล้วปัญหาพระมั่วสีกา เสพยาบ้า มีมานานมากแล้ว

แต่ปราบไม่เคยหมดสักที บางครั้งเป็นข่าวแต่บางครั้งก็ไม่เป็นข่าว อันที่จริงวัดถือเป็นสถานที่ที่ศักดิ์สิทธิ์ ไม่ควรไปประพฤติตัวไม่ดีในวัด ทั้งตัวพระเองที่ยังตัดขาดจากทางโลกไม่ได้ ยังมีการเล่นทั้งเฟส จีบผู้หญิง มั่วสุมยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด และทางผู้หญิงเองก็ไม่มีความเกรงกลัวในบาปกรรม สามารถมานอนกับพระในวัดได้ แทนที่จะคิดได้ แต่อ้างว่าเพราะความรักจึงตัดสินใจทำเช่นนี้  คำกล่าวอ้างนี้ เป็นคำกล่าวอ้างของคนเห็นแก่ตัว ไม่มีความคิด ไม่มีความเกรงกลัวในบาปกรรม เราจะหาทางกำจัดพวกมารสังคม มารศาสนา เหล่านี้ได้อย่างไร ในเมื่อผู้ทำความผิดทั้งชายและหญิงพร้อมใจกันในการกระทำความผิด หากไม่มีใครเห็นแล้วนำเรื่องมาเปิดเผย คนเหล่านี้ ก็จะยังคงอาศัยวัดเป็นที่ทำความผิด เป็นที่นอน และอาศัยความใจดีของคนไปทำบุญ ตักบาตร เขาพวกเขามีเงินใช้นำมาซื้อยาเสพติดได้อีกด้วย 

          ดังนั้นถ้าต้องการให้สังคมไทย น่าอยู่พวกเราทุกคนต้องช่วยกันสอดส่องดูแล ว่ามีใครที่ทำตัวน่าสงสัยหรือไม่ มีใครที่เหมือนจะทำตัวเป็นมารศาสนา อาศัยความศรัทธาของชาวบ้านมาทำความผิดหรือไม่ ถ้าหากพบเห็นคนทำความผิดแล้วปล่อยไปเฉยๆประเทศชาติและศาสนาพุทธ คงตกต่ำเข้าสักวัน ถ้าหากอยากให้สังคมไทยของเราปลอดยาเสพติด หากมีเบาะแสควรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาตรวจสอบ อย่าปล่อยให้ผู้กระทำผิดทำความผิดต่อไป

อย่าคิดว่าไม่ใช่เรื่องของเรา เราไม่ควรยุ่ง ปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาร้ายแรงของชาติ พวกเราต้องช่วยกันให้ยาเสพติดหมดไปจากประเทศของเรา เพื่อลุกหลานเราในอนาคต 

ประเพณีตักบาตรน้ำผึ้ง

ใครเคยรู้จักกับ ประเพณีตักบาตรน้ำผึ้ง บ้าง?

     ประเพณีตักบาตรน้ำผึ้ง ประเทศไทยมีประเพณีที่สืบต่อกันมาช้านาน หลายประเพณีด้วยกัน บางประเพณีก็ยังนิยมปฏิบัติกันอยู่เป็นประจำ แต่บางประเพณีก็จะเริ่มจะศูนย์หายตามกาลเวลา

วันนี้จะมาพูดถึงประเพณีตักบาตรน้ำผึ้ง ซึ่งประเพณีนี้หลายพื้นที่คงไม่ทราบว่ามี เพราะส่วนใหญ่ จะเป็นการตักบาตรข้าวสารอาหารแห้ง ตักบาตรดอกไม้ แต่สำหรับประเพณีตักบาตรน้ำผึ้งนั้นไม่ค่อยจะเคยได้ยิน แต่ประเพณีนี้ก็ยังมีบางจังหวัดที่จัดกิจกรรม ซึ่งแต่ละจังหวัดจะมีลักษณะของการใส่บาตรเหมือนกัน แต่อาจจะมีวิธีการบางอย่างที่เพิ่มเข้ามา ไม่เหมือนกันซะทีเดียว

การตักบาตรน้ำผึ้งนั้นจะมีขึ้นทุกปี ในวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 10 โดยประเพณีเก่าแก่นี้เป็นประเพณีสำคัญของชาวไทยเชื้อสายมอญ

ขั้นตอนการใส่บาตรน้ำผึ้งไม่ได้ยุ่งยากอะไร วิธีการก็เหมือนการตักบาตรข้าวสาร –  อาหารแห้ง โดยเมื่อถึงวันตักบาตร ทุกคนในหมู่บ้านก็จะมารวมตัวกันที่วัด โดยนำกับข้าว ขนมคาว-หวาน และที่ขาดไม่ได้เลยคือน้ำผึ้งที่จะต้องเตรียมมาเป็นตัวเอกของงานในวันนี้ โดยในงานทางวัดจะเตรียมบาตรไว้ 2 ชุดตั้งไว้คู่กันโดยชุดแรกสำหรับเอาไว้ใส่ข้าวและกับข้าว ส่วนอีกชุดสำหรับใส่น้ำผึ้ง แต่โบราณมาการตักบาตรน้ำผึ้งคือการเทน้ำผึ้งลงไปในบาตรเลย โดยจะมีผ้าเช็คหน้ารองไว้ใต้บาตร แต่ ณ ปัจจุบันมีการเปลี่ยนขั้นตอนจากแทนที่ จะลงน้ำผึ้งลงบาตรเลยก็เปลี่ยนมาเป็นนำน้ำผึ้งใส่ภาชนะ เช่น ขวด แล้วนำทั้งขวดใส่ลงบาตรทำให้ไม่เกิดการหกเลอะเทอะ 

      โดยประวัติความเป็นมาของการตักบาตรน้ำผึ้งนี้มาจาก

ตำนานในสมัยพระทีปังกรพุทธเจ้าว่า มีพระรูปหนึ่งไม่อาพาธ อยากจะได้น้ำผึ้งมาผสมทำยาเพื่อรักษาโรค จึงไปบิณฑบาตที่หมู่บ้านหนึ่ง มีชาวบ้านคนหนึ่งมีฐานะยากจนได้มีจิตศรัทธาอย่างมากที่จะถวายน้ำผึ้ง จึงเกิดสิ่งอัศจรรย์ขึ้นคือน้ำผึ้งที่เทถวายไปมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนล้นบาตร

ตอนนั้นมีหญิงชาวบ้านอยู่ใกล้ๆ นางมีอาชีพทอผ้าเห็นว่าน้ำผึ้งล้นบาตร นางจึงนำผ้าที่ทอมาซับบาตรให้แล้วอธิฐานขอให้เกิดมาชาติหน้าเป็นคนสวยและรายทรัพย์ส่วนชายทีถวายน้ำผึ้งก็อธิฐานของให้ร่ำรวยมีกินมีใช้ แล้วเมื่อชายหญิงสองคนนั้นกลับมาเกิดใหม่ผู้ชายได้เกิดเป็นพระราชา ผู้หญิงได้เกิดเป็นลูกสาวของพระราชาของอีกเมืองหนึ่งและมีรูปโฉมงดงามมาก นี่คือตำนานความเชื่อที่มีการตักบาตรน้ำผึ้งต่อๆกันมา เพราะเชื่อกันว่าการถวายน้ำผึ้งแด่พระสงฆ์จะได้บุญมากและจะร่ำรวยเงินทองทั้งชาตินี้และชาติหน้า 

ประเพณีนี้ยังคงมีให้เห็นในปัจจุบัน เช่นที่จังหวัดนนทบุรี ปทุมธานี  อยุธยา ลพบุรี สมุทรสาคร และฉะเชิงเทรา

ประเพณีตักบาตรดอกไม้

เคยไปกันไหม ประเพณีตักบาตรดอกไม้ ของจังหวัดสระบุรี     

 สำหรับคนสระบุรีแล้ว ประเพณีงานบุญที่สำคัญอีกประเพณีหนึ่งคือ ประเพณีตักบาตรดอกไม้

 

ซึ่งจะจัดขึ้นเป็นประจำของทุกปี โดยถือเอาวันเข้าพรรษา คือ แรม 1 ค่ำเดือน 8 เป็นวันตักบาตรรดอกไม้ สำหรับปี 62 งานจัดช่วง วันที่ 15 – 17 กรกฎาคม 2562 ทีผ่านมา  โดยจัดที่ วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร อยู่ที่อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี 

 

ขั้นตอนการตักบาตรดอกไม้นั้นจะเริ่มตั้งแต่

ประเพณีตักบาตรดอกไม้ ช่วงเช้าชาวบ้านจะไปรวมตัวกันที่วัดเพื่อตักบาตรขนมหวานและอาหารก่อน พร้อมกับถวายเทียนพรรษา หลังจากนั้นก็จะพากันไปเก็บดอกไม้เพื่อนำมาใส่บาตรในช่วงบ่าย ดอกไม้ชนิดนี้มีลักษณะของลำต้นเหมือนกับต้นขมิ้นหรือกระชาย  ขมิ้น สีของดอกเข้าพรรษาจะมีทั้งสีเหลือง   สีขาว และสีม่วง ซึ่งดอกสีม่วงจะเป็นดอกที่หายากมากที่สุด และตามความเชื่อว่ากันว่า ถ้าใครหาดอกเข้าพรรษาสีม่วงมาใส่บาตรได้จะได้บุญมากที่สุด 

ดอกไม้ชนิดนี้จะขึ้นเฉพาะช่วงเข้าพรรษาเท่านั้น ชาวบ้านจึงพากันเรียกว่าดอกอกพรรษา และที่สำคัญดอกไม้ชนิดนี้จะขึ้นตามไหล่เข้าเฉพาะเขาในเขตอำเภอพระพุทธบาทเท่านั้นอีกด้วย ซึ่งเราสามารถเก็บดอกเข้าพรรษาได้ที่ เขาพุ  เขาสุวรรณบรรพต และเทือกเขาวง การตักบาตรดอกไม้ขั้นตอนเหมือนกับตักบาตรอาหารเลย

 

พระสงค์เดินตามกันและประชาชนยืนสองฝั่งถนนเพื่อรอใส่บาตร

หลังจากเสร็จขั้นตอนการตักบาตรแล้ว พระสงค์จะนำดอกไม้ที่ชาวบ้านนำมาใส่บาตรไปนมัสการรอยพระพุทธบาท ซึ่งในช่วงที่พระสงค์เดินขั้นบันไดไปนั้น ชาวบ้านจะน้ำลอยดอกพิกุลมานั่งคอยล้างเท้าให้พระตรงบันไดทางขึ้น เพราะเชื่อว่าเป็นการชำระล้างบาปที่เคยทำมา ซึ่งหลังจากที่พระสงค์ถวายดอกไม้เสร็จแล้วก็จะพากันเข้าโบสถ์เพื่อสวดมนต์

ประเพณีการตักบาตรดอกไม้นี้มีมาตั้งแต่สมัยพระเจ้าทรงธรรม

ตามความเชื่อที่ว่า พระเจ้าพิมพิสาร เป็นคนชอบดอกมะลิมากจึงให้คนสวนที่ชื่อว่ามาลาเก็บดอกมะลิมาให้ทุกวันวันละ 8 กำ อยู่มาวันหนึ่งขณะที่นายมาลากำลังเก็บดอกมะลิ ได้เห็นพระพุทธเจ้าพร้อมพระภิกษุเดินผ่านมา ด้วยความเลื่อมใสจึงนำดอกไม้ที่กำลังถวายให้กับพระ ทำให้ไม่มีดอกไม้ไปถวายพระเจ้าพิมพิสาร เมือพระเจ้าพิมพิสารรู้เรืองก็ไม่ได้ลงโทษ แต่มอบรางวัลให้แทนเป็นจำนวนมากจากเหตุการณ์นั้น ทำให้มีชาวบ้านต่างพากันนำดอกไม้มาตักบาตร เพื่อหวังรับผลบุญ

         ประเพณีตักบาตรดอกไม้เดิมจัดเพียงแค่วันเดี่ยว แต่เนื่องจากมีผู้คนสนใจเป็นจำนวนมาก จึงมีการเพิ่มเป็น 3 วันและให้ตัดบาตรวันละ 2 รอบ โดยรอบเช้า 10.00 น. และรอบบ่าย 15.00 น.